วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

10 สูตรมาส์กหน้าจากน้ำผึ้ง เพื่อผิวหน้าขาวใส ลดสิว ไร้ริ้วรอย



            เมื่อพูดถึงน้ำผึ้ง ทุกคนก็มักจะคิดถึงเมนูอาหารหรือขนม หอมหวาน แสนอร่อย แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำผึ้งที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารจากธรรมชาตินี้ ยังมีประโยชน์ต่อผิวสาวๆอีกด้วย วันนี้เราจึงรวมสูตรมาส์กหน้าขาวใส ลดสิว ลดริ้วรอย ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งมาให้สาวๆ ได้เลือกใช้ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆของผิวหน้า ถึง 10 สูตรด้วยกัน สาวๆ ถูกใจสูตรไหนสามารถนำไปใช้กันได้เลยนะคะ

           แนะนำก่อนทำการมาส์กหน้า ควรทำความสะอาดผิวหน้าก่อนนะคะ ^^


1. สูตรน้ำผึ้ง เคลียร์ผิวหน้าให้กระจ่างใสไร้สิว

          น้ำผึ้งขึ้นชื่อว่าเป็นยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ สำหรับร่างกายเราอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่มีปัญหาสิว หรือแค่อยากดีท็อกซ์สารพิษออกจากใบหน้าก็สามารถชโลมน้ำผึ้งให้ทั่วทั้งหน้า นวดคลึงเบา ๆ ให้เลือดไหลเวียนดีด้วยก็ได้ จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับหน้าให้แห้ง แล้วปลื้มปริ่มกับผิวหน้านุ่ม ๆ ได้เลยจ้า อ้อ ! สูตรมาส์กหน้าด้วยน้ำผึ้งยังเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งกร้าน  แต่ถ้าเป็นสาวผิวมันไม่แนะนำนะคะ  แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


2. สูตรขจัดสิวหัวดำ ด้วย น้ำผึ้ง+มะเขือเทศ+ข้าวโอ๊ต

มะเขือเทศ 1 ผล,ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

          นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้ง ให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณ ที่มีสิวหัวดำ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น  แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


3. สูตรสาวหน้าใส ด้วยน้ำผึ้งมะนาว

ส่วนผสม น้ำผึ้ง1 ถ้วย(เล็ก) น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

          ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน นำมานวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสม AHA ส่วนน้ำผึ้ง จะช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวดเบาๆทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น  แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพียงแค่นี้ก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส


4. สูตร ลดการอักเสบของสิวด้วยน้ำผึ้งและอบเชย

อบเชย 2 ช้อนโต๊ะ,น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ หรือมากกว่านี้ก็ได้ โดยใช้อัตราส่วนที่เท่ากัน

          นำอบเชยและน้ำผึ้งมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน  จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที แล้วค่อยล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวยุบตัวลง และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากจะช่วยลดการอักเสบของสิวที่เป็นอยู่แล้ว สูตรนี้ยังจะช่วยยับยั้งการเกิดสิวใหม่ได้ด้วย แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


5. สูตรหน้าขาวด้วย น้ำผึ้ง,มะขามเปียก และมะนาว

          ใช้เนื้อมะขามเปียก 1 กำ แยกเอากากและเม็ดออก ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และมะนาว 1 ช้อนชา ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำเอามาพอกหน้าไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ 2 ครั้ง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วทำให้ผิวหน้าขาวขึ้นได้


6. สูตรหน้าอ่อนเยาว์ด้วยน้ำผึ้งและกล้วยหอม

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + กล้วยหอม 1/2 ผล

           บดกล้วยหอมให้ละเอียดจากนั้นผสมน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้าเนื้อกัน แล้วนำมาพอกลงบนใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จึงล้างออกให้สะอาด ในน้ำผึ้งจะมีเอนไซม์ที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้น กล้วยก็จะช่วยเติมน้ำหล่อเลี้ยงไว้ใต้ผิวได้อย่างล้ำลึก สูตรนี้ช่วยบำรุงผิวหน้าสาวๆ ที่ขาดความชุ่มชื้นให้ยิ่งนุ่มนวลและมีสุขภาพดี แถมผิวหน้ายังอ่อนเยาว์ ไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วย แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


7. สูตรลดริ้วรอยตีนกาด้วยน้ำผึ้งและแครอท

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + แครอท 1 หัวเล็ก

           นำแครอทมาปอกเปลือก หั่นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นจนละเอียดแล้วเติมน้ำผึ้งลงไปผสม คนให้เข้ากัน นำส่วนผสมมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองปัญหารอยตีนกาและริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าจะหมดไป  ซึ่งสูตรนี้นอกจากจะช่วยต่อต้านริ้วรอยได้แล้ว ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยให้หายเร็วขึ้นได้อีกด้วยเช่นกัน


8. สูตรลดความมันบนใบหน้า ผิวขาวกระจ่างใส ด้วยน้ำผึ้ง+ว่านหางจระเข้+ดินสอพอง+น้ำมะนาว

น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา + เนื้อวุ้นว่างหางจระเข้บดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ + ดินสอพอง 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

           นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมจนเข้ากัน แล้วนำมาพอกลงบนหน้าจนทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรพอกหน้านี้เป็นการรวมตัวของส่วนผสมที่ดีต่อผิวหลายอย่าง แต่ละชนิดล้วนมีสารอาหารในการบำรุงและดูแลผิวได้อย่างดีเยี่ยม โดยจะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ช่วยลดความมันบนผิวหน้า ลดจุดด่างดำและบำรุงผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสขึ้น แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


9. สูตรลดหน้ามัน ป้องกันสิว ผิวขาวใส ด้วยน้ำผึ้ง+มะขามเปียก+มะนาว

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + มะขามเปียก 1 กำ + น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

           ละลายน้ำมะขามเปียกให้ได้ข้นๆ จากนั้นเติมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวลงไปผสม คนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาพอกหน้าจนทั่ว โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สำหรับสูตรนี้มะขามเปียกที่มีกรดอ่อนๆ จากธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้อย่างอ่อนโยน ช่วยลดความมันบนผิวหน้า ป้องกันการเกิดสิวและบำรุงผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ


10. สูตรเติมคอลลาเจนให้ผิวด้วยน้ำผึ้งและแอปเปิ้ลเขียว

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + เนื้อแอปเปิลเขียวปั่นละเอียด 1/2 ผล

           นำส่วนผสมมาปั่นจนเข้ากัน แล้วนำมาพอกลงบนผิวหน้า ปล่อยทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้วิตามินซีจากแอปเปิลเขียวและสารอาหารอื่นๆ ที่มีในน้ำผึ้งและแอปเปิ้ลเขียว  จะช่วยเรื่องการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงสดใส ผิวมีความเต่งตึง อ่อนเยาว์ขึ้น และห่างไกลจากริ้วรอยได้ผล  แนะนำให้พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง


            สาวๆท่านใดที่มี ปัญหา ผิวหน้าหมองคล้ำ สิว และริ้วรอย สามารถนำสูตรดังกล่าวข้างต้นไปใช้กันได้นะคะ กับวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายๆ ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ แค่นี้ก็ช่วยให้สาวๆ มีผิวหน้าขาวสวยใส ไร้สิว ไร้ริ้วรอย กันแล้วคะ



ขอบคุณข้อมูลจาก

Women.kapook.com

Dek-D.com

Naadeng.com

รูปประกอบจาก pixabay.com





บล๊านซีคอลลาเจน(Balance C)ผิวหน้า ผิวกาย กระจ่างใส ลดสิว ลดริ้วรอยแห่งวัย 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่เลย!!
https://balancebyann.blogspot.com/2015/12/balance-c-collagen.html





วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อาการปวดท้องประจำเดือน แก้ได้ด้วยสมุนไพรเหล่านี้



         ในช่วงเวลาวันนั้นของเดือน สาวๆหลายท่านมักต้องทรมาน กับอาการปวดท้องประจำเดือน จนไม่สามารถทำงาน ไปเรียน หรือใช้ชีวิตตามปกติได้  ทำให้ช่วงเวลานั้นของเดือนเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย จึงทำให้ต้องหันมาพึ่งยาแก้ปวด เพื่อใช้บรรเทาอาการ เป็นประจำทุกเดือน แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ยาแก้ปวดบ่อยเกินไปอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้

          วันนี้เราจึงมีวิธีแบบธรรมชาติ โดยใช้สมุนไพรที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้โดยไม่ต้องใช้ยา นำมาฝากกันคะ สมุนไพรเหล่านี้บางท่านก็รู้จักเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยรู้เลยว่าสามารถลดอาการปวดประจำเดือนได้ด้วย มีอะไรบางนั้นมาดูกันเลยคะ


1.ตังกุย
        มีผลช่วยในการดูแลสุขภาพของมดลูกผู้หญิงเราโดยตรงทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 และมีกรดโฟลิกสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดได้อย่างดี ถ้าหากทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดท้อง ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนของผู้หญิงได้อีกด้วย


2.ใบตำลึง
        นอกจากจะช่วยต้านอนุมูลอิสระและบำรุงผิวพรรณแล้ว ยังช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย เพราะในใบตำลึงจะมีแมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ที่ช่วยไม่ให้ปวดเกร็งกล้ามเนื้อหรือลดอาการตะคริว จึงมีส่วนช่วยในการลดอาการปวดเกร็งช่วงท้องได้ด้วย นอกจากนี้แมกนีเซียมยังพบได้อีกในเนื้อสัตว์ และตับหมู


3.ผักปวยเล้ง
       ในผักปวยเล้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟลอรัส ธาตุเหล็ก โฟเลต โปรตีน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งแมกนีเซียมจะช่วยในเรื่องของการปวดท้องประจำเดือนได้ดีทีเดียว


4.น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
        ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจะมีกรดไขมันที่ชื่อว่า กรดแกมม่า ไลโนเลนิก ซึ่งมีคุณสมบัติลดหรือต้านการอักเสบ ช่วยรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิง แถมยังช่วยลดอาการปวดเกร็งท้อง ลดการปวดหน้าอก และอาการตัวบวมช่วงก่อนหรือช่วงมีประจำเดือนได้


5.ใบสะระแน่
        นำสะระแน่แห้งมาบดให้เป็นผง นำมาผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนชา ทานวันละ3ครั้ง หรือชงดื่มร้อนๆ จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้


6.ขมิ้น
        โดยน้ำขมิ้นผงมาชงดื่มกับน้ำร้อน ซึ่งการรับประทานขมิ้นเป็นประจำจะช่วยบำรุงมดลูก ลดการอักเสบเวลาเป็นรอบเดือน


7.ว่านหางจระเข้
        นำวุ้นว่านหางจระเข้ผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนชา ดื่มทุกวันหลังมื้อเช้า ก็จะทำให้การตกไข่เป็นปกติ


8.ลูกผักชี
         นำลูกผักชีมาต้มในช่วงเป็นรอบเดือน ดื่มวันละ3 ครั้ง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคไตควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ เพราะลูกผักชีมีโพแทสเซียมสูง


9.ขิง
         นำขิงสดไปต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาดื่ม3เวลาหลังอาหาร แล้วจะพบการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพียงเท่านี้ปัญหาปวดท้องในขณะที่มีรอบเดือนก็จะหายไป ไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อซื้อยา และกลับมาเป็นปัญหากวนใจอย่างแน่นอน


10.ตะไคร้แกง
          สตรีที่ยังมีประจำเดือน อยู่ และมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงระหว่างช่วงดังกล่าวเป็นประจำ ทำงานทำการอะไรแทบไม่ได้ ในทางสมุนไพรมีวิธีช่วยบรรเทาได้ คือให้เอา ต้น “ตะไคร้แกง” แบบสดจำนวน 5 ต้น ล้างน้ำให้สะอาด ทุบให้แตกต้มกับน้ำ 1 ลิตร ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อยจนเดือด ดื่มขณะปวดท้องตอนมีประจำเดือนครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น จะบรรเทาอาการปวดให้ลดลงและไม่ปวดได้ในที่สุด


          เห็นไหมคะ ว่าสมุนไพรก็สามารถใช้บรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ดีเลยทีเดียว และปลอดภัยไร้ผลข้างเคียง ดีกว่าใช้ยาแก้ปวดเป็นประจำถึงจะเห็นผลดี แต่ก็มีผลเสียต่อร่างกาย  เพราะฉะนั้นสาวๆลองนำข้อมูลที่แนะนำไปใช้ดูนะคะ จะได้ไม่ปวดทรมาน เวลาที่มีประจำเดือนคะ

          อย่างไรก็ตาม  อาการปวดประจำเดือนหากมีอาการปวดรุนแรงจนผิดปกติ เช่น ทานยาแล้วไม่หาย หรือไม่บรรเทา อาการปวดเพิ่มระยะเวลามากขึ้น จากปกติที่มักจะมีอาการ แค่ 1-2 วันแรกที่เป็น  หากมีอาการปวดเพิ่มขึ้นในทุกวันที่มีประจำเดือน ควรปรึกษาหรือพบแพทย์เพื่อตรวจอาการที่ผิดปกติคะ ทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายได้



ขอบคุณข้อมูลจาก

women.thaiza.com

thairath.co.th

share-si.com

manager.co.th

ขอบคุณภาพจาก pixabay.com







อาหารเสริมผู้หญิงBalance Y คลิ๊กเลย!!
https://balancebyann.blogspot.com/2016/02/balance-y.html


วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

15 ผักผลไม้ทานแล้วผิวขาวกระจ่างใส ที่สาวๆไม่ควรพลาด!!



เชื่อว่าการมีผิวสวย ดูดีมีออร่า สาวๆคนไหนก็อยากมี ณ ปัจจุบันนี้จึงมีอาหารเสริม อย่างเช่น กลูต้า หรือคอลลาเจน ออกมาเพื่อให้สาวๆได้เลือกทานเพื่อบำรุงผิวพรรณ แต่รู้หรือไม่ว่า การเลือกทานผักผลไม้เหล่านี้ ก็สามารถทำให้ท่านมีผิวสวยเปล่งปลั่งได้ อยากรู้ว่ามีผักผลไม้ชนิดใด้บ้างนั้นมาดูกันเลยคะ




1.  มะนาว ประกอบด้วยวิตามินซีสูงช่วยให้ผิวขาวใสได้อย่างมาก ทั้งยังสามารถช่วยลดริ้วรอย สิว แก้ปัญหาผิวมัน ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล





2.  ส้ม มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างคอลลาเจน  ลดเลือนหรือชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้  ทำให้ผิวของคุณอ่อนเยาว์เปล่งปลั่ง กระจ่างใส





3.  มะเขือเทศ ช่วยกระชับรูขุมขน ป้องกันปัญหาริ้วรอยแห่งวัย คงความอ่อนเยาว์ไว้อย่างเนิ่นนาน ขจัดความมันบนใบหน้า ช่วยรักษาปัญหาสิว  บรรเทาอาการผิวไหม้จากแดด ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวสะอาดเปล่งปลั่ง





4.  ฝรั่ง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ปกป้องผิวหนังจากอนุมูลอิสระ ชะลอวัยและริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี





5.  แอปเปิ้ล ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว มีวิตามินซีช่วยในเรื่องของผิวสว่างใส และแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้ผิวตึงกระชับ ลดการร่วงโรยของผิว





6.  มะละกอ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ ช่วยในการชะลอวัย ลดเลือน และป้องกันการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ สำหรับใครที่มีปัญหาท้องผูกมักทำให้ผิวไม่ขาวใส หม่นหมอง ดังนั้น หากกินมะละกอรับรองไร้ปัญหาท้องผูกมากวนใจ เผยผิวขาวใสได้อย่างแน่นอน





7.  กล้วยหอม เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ลดน้ำหนัก หากทานตอนเช้าจะยิ่งดีมากๆ ทำให้อิ่มท้องนาน แต่รู้หรือไม่ว่ากล้วยหอมยังทำให้ผิวหน้าสวยนุ่มชุ่มชื้น และสามารถแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่างเลยทีเดียว เพราะในกล้วยหอมนั้นมีวิตามินหลาย ๆ อย่าง เช่น วิตามิน B2, B6, B12, PP, E และ A ซึ่งวิตามินแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อผิวทั้งนั้น





8.  แตงโม ช่วยบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง ทำหน้าที่ล้างไต ขับสารพิษได้ และช่วยขับปัสสาวะ ไม่ทำให้เกิดโรคในทางเดินปัสสาวะ ทั้งนี้การนำแตงโมมาพอกหน้า ใช้ทำเป็นทรีตเมนต์บำรุงผิว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า และลดอาการแสบแดง วิธีการง่าย ๆ เพียงแค่นำเนื้อแตงโมมาฝานบาง ๆ แล้วนำมาวางไว้บนผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด





9.  อะโวคาโด  ในผลไม้ชนิดนี้มีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ และสารแอนตี้ออกซิเดนท์อย่าง วิตามิน B1, B2, B6 โดยนำอะโวคาโดสดครึ่งลูกผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา แล้วมาสก์หน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา จะทำให้ผิวหน้ากระชับตึง เฟิร์มขึ้นค่ะ





10.  ทับทิม ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานที่อัดแน่นไปด้วยวิตามิน เอ, ซี, อี สูง ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นด้านการเสริมสร้างผิวสวย กระจ่างใส ทั้งยังช่วยการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี ใครอยากมีผิวขาวสวย หัวใจแข็งแรง แนะนำให้ลองดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้วรับรองผิวพรรณสวยขึ้นแน่นอน หรืออาจใช้มาส์กสำเร็จที่สกัดมาจากทับทิมก็ได้ค่ะ





11.  สับปะรด อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ อันได้แก่ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ผิวหนัง กินบ่อย ๆ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีอีกด้วย โดยผสมน้ำสับปะรด น้ำผึ้ง น้ำสะอาดคนให้เข้ากัน พอกให้ทั่วบริเวณใบหน้ายกเว้นบริเวณปากและดวงตาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก สับปะรดช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส และลดการอักเสบของผิวได้สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน A วิตามิน C สูงช่วยต้านอนุมูลอิสระและมีเกลือแร่อีกหลายชนิดช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น





12.  สตรอว์เบอร์รี  วิตามินซีที่อุดมอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รี รวมถึงวิตามินเอ ฟอสฟอรัส แคลเซียม แถมด้วยกรด Ascorbic acid ซึ่งสามารถช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เพียงรับประทานสตรอว์เบอร์รีสดทุกวัน ก็จะทำให้ผิวพรรณของสาว ๆ ก็จะเรียบเนียนเปล่งปลั่ง ช่วยชะลอความชรา และการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร





13.  น้ำมะพร้าว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและขาวนวลจากภายในสู่ภายนอกได้จริง เพราะในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่จะทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย คล้ายกับการทำดีท็อกซ์ จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในร่างกายเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอก





14.  ถั่วเหลือง ช่วยดูแลผิวพรรณ คืนความขาวกระจ่างใสให้ผิว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ช่วยกระตุ้นสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนใส





15.  แคนตาลูป มีวิตามินเอ ช่วยให้บำรุงผิวพรรณ เส้นผม และเล็บให้มีสุขภาพดี ป้องกันผิวหนังตกสะเก็ดและเหี่ยวย่นก่อนวัย

มีวิตามินบี 3 วิตามินสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวขาวเปล่งปลั่ง เพราะช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว จึงช่วยปรับสภาพผิวขาวจากภายในสู่ภายนอก

มีแคโรทีนอยด์และเบตาแคโรทีน ป้องกันการสันดาปของอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ



           เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับประโยชน์ ของผักผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้ ที่ช่วยให้ผิวพรรณสวย ขาวกระจ่างใส เปล่งปลั่งดูมีออร่า ชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้ เห็นอย่างนี้แล้วสาวๆ ควรรีบหามาทานกันนะคะ ^^







ขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก pixabay.com







กลูต้าBalance W 
https://balancebyann.blogspot.com/2015/09/balance-wwhite.html







วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

รับสมัครตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์BALANCE แบบDropshipไม่ต้องสต็อคสินค้า ขายง่าย รายได้ดี

รับสมัครตัวแทนจำหน่ายBALANCE 
"ขายออนไลน์ ได้เงินใช้ ไม่ต้องสต็อคของ"
รับสมัครตัวแทนแบบ Dropship บริษัท BALANCE
ทันที ที่คุณดูวิดีโอนี้จบ
1นาทีนี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณในยุคออนไลน์


เป็นตัวแทนBALANCE ดีอย่างไร?
 ☆☆☆
กำไรสูง รายได้ดี 
☆☆☆ 
ตัวแทนแบบ Dropship ไม่ต้องเสียเงินลงทุนสต็อคสินค้า ทุนไม่จม
☆☆☆
มีออเดอร์ บริษัทจัดส่งสินค้าให้ ไม่ต้องเสียเวลาส่งสินค้าเอง
☆☆☆ 
สั่งสินค้าผ่านเว็บไซต์ ระบบใช้งานง่าย  จะทำงานผ่านมือถือก็สะดวก
☆☆☆
มีสะสมคะแนนจากยอดขาย แลกเป็นเงินสด หรือทริปท่องเทียวได้ 
☆☆☆ 
มีรายละเอียดสินค้า รีวิว รูปภาพสินค้า ให้ใช้พร้อมโพสขาย
☆☆☆ 
มีศูนย์การเรียนรู้ (มีกลุ่มเฟสบริษัท กลุ่มไลน์บริษัท ) สอนวิธีการขายของออนไลน์ 
☆☆☆ 
 ใครที่กำลังประสบปัญหาเงินเดือนไม่พอใช้ อยากมี "รายได้เสริม" "อาชีพเสริม"
ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ แม่บ้าน นักศึกษา ก็สามารถทำได้  
เชิญมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับBALANCEคะ ^^
👇สนในสมัครตัวแทนกรอกรายละเอียดการสมัครได้ที่ลิ้งค์เลย👇
  ☆☆☆
เงื่อนไขในการสมัครตัวแทนBALANCE

1.ค่าสมัคร 3,200 บาท พร้อมเลือกสินค้าได้ 1 เซ็ต

2.ครั้งต่อไปสามารถสั่งซื้อสินค้าในราคาสมาชิกได้เลย

3.ห้ามขายต่ำกว่าราคาขายเด็ดขาด หากพบจะตัดสิทธิตัวแทนทันที

4.ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครือข่าย ไม่ต้องเดินทางมาอบรม ไม่มีสัมมนา
 ☆☆☆ 
👇สนในสมัครตัวแทนกรอกรายละเอียดการสมัครได้ที่ลิ้งค์เลย👇
กรอกรายละเอียดครบถ้วน 
พร้อมชำระค่าสมัครตามจำนวนเรียบร้อยแล้ว
รบกวนแอดไลน์มาที่ 
LINE ID : wk.ann
โทร. 090-8923654


สินค้าของแบรนด์BALANCE ทุกตัว มีอย. คุณภาพ ระดับพรีเมี่ยม ในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ 
ขายง่ายรายได้ดี ขอเพียงตั้งใจ จริงจัง และขยัน


👇สนในสมัครตัวแทนกรอกรายละเอียดการสมัครได้ที่ลิ้งค์เลย👇
กรอกรายละเอียดครบถ้วน 
พร้อมชำระค่าสมัครตามจำนวนเรียบร้อยแล้ว
รบกวนแอดไลน์มาที่ 
LINE ID : wk.ann
โทร. 090-8923654 






สมัครตัวแทนbalance,ตัวแทนbalance,ขายของออนไลน์,balance brand,balancethailand,dropship,ตัวแทนdropship,ตัวแทนไม่สต็อกสินค้า,ธุรกิจbalanceดีไหม,ธุรกิจbalanceพันทิป,รายได้เสริม,อาชีพเสริม

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

วิธีลดความอ้วน (ลดน้ำหนัก) ง่ายๆ แค่ปรับพฤติกรรม 3 ข้อนี้




วิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลดี ลดความอ้วนได้อย่างถาวร ไม่กลับมาอ้วนอีก และมีสุขภาพที่ดี ไม่โทรม ควรเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง 3 ข้อดังนี้




1.ปรับเรื่องการทาน 

        คนที่ต้องการลดความอ้วน (ลดน้ำหนัก ) บ่อยครั้งที่เรามักจะใช้วิธีแบบผิดๆ คือ ลดความอ้วน ด้วยการงดอาหารมื้อใด มื้อหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ที่มักจะทำกันบ่อยๆ คือ การงดอาหารเช้า และอาหารเย็น

        การลดความอ้วนให้ได้ผลดีจริงๆนั้น  ต้องทานอาหารมื้อเช้า เพราะเป็นมื้อที่สำคัญสำหรับร่างกาย และสมอง มื้อเช้าจึงเป็นมื้อที่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และสามารถทานในปริมาณที่เยอะได้  เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และบำรุงสมอง ให้ปลอดโปร่ง

        การทานมื้อเช้า จะช่วยลดปริมาณการทานในมื้อต่อไปได้  ส่วนอาหารมื้อเย็นก็ยังสามารถทานได้ตามปกติ เพียงแค่เลือกทานอย่างถูกวิธี  เช่น ลดอาหารประเภท แป้ง ของมัน ของทอด ของหวาน ฯลฯให้น้อยลง  แต่ให้เน้น ผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใย เนื้อสัตว์ ควรเป็น ปลา อกไก่ หรืออาหารที่ย่อยง่าย ให้พลังงานน้อย เพราะมื้อเย็น เป็นมื้อที่เราทาน ก่อนจะนอน ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานใดๆ การทานเยอะเกินไปอาจจะทำให้อ้วน และอาจทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

       ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้ การลดน้ำหนักได้ผลดี ก็คือ การทานแบบคำนวณปริมาณแคลอรี่ ต่อวัน ทำได้ง่ายๆ คือ ทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการใช้พลังงานในแต่ละวัน  แต่ต้องเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ

       *ใน วันหนึ่งๆ แต่ละคนมีการเผาผลาญปริมาณแคลอรี่มาใช้เป็นพลังงานไม่เท่ากัน 
โดยเฉลี่ยผู้ชายต้องการปริมาณแคลอรีเพื่อใช้เป็นพลังงานต่อวันอยู่ที่ 1,800-2,500 กิโลแคลอรี่ 
ส่วนผู้หญิงต้องการปริมาณแคลอรี่ต่อวัน 1,500-2,000 กิโลแคลอรี ซึ่งเราเรียกว่า อัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐานของร่างกาย (Basal Metabolic Rate)นั้นเอง

          เมื่อเรารู้แล้วว่าในแต่ละวัน ร่างกายต้องเผาผลาญปริมาณแคลอรี่เพื่อใช้เป็นพลังงานเท่าไหร่  เราก็แค่คำนวณการทานอาหารเพื่อให้ได้พลังงานที่น้อยกว่าร่างกายต้องการใช้  หรือทานในปริมาณที่เหมาะสม แค่นี้ ร่างกายก็จะดึงจากพลังงานที่สะสมเอาไว้ มาใช้งาน  ทำให้น้ำหนักลดลงได้ และไม่ทำให้อ้วน

          สำหรับปริมาณแคลอรี่ของเมนูอาหาร ในแต่ละมื้อ สามารถค้นหาได้จากอินเตอร์ มีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้ข้อมูล ปริมาณแคลอรี่ของอาหารแต่ละชนิด ทำให้คนที่อยากลดน้ำหนักอย่างจริงจัง  สามารถค้นหาข้อมูล และคำนวนการกินอาหารได้




2.ปรับเรื่องการออกกำลังกาย

         การออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดีขึ้น ทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ และได้ผลรวดเร็วทันใจ และสามารถควบคุมน้ำหนักให้คงที่ ไม่กลับมาอ้วนอีก

         สำหรับการออกกำลังกาย เพื่อการลดความอ้วน บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย ด้วยการเข้าฟิตเนสก็ได้ เพราะบางท่านอาจจะไม่มีเวลาไปฟิตเนสทุกวัน แต่เราสามารถ ออกกำลังกายได้ง่ายๆที่บ้าน เช่น การทำงานบ้าน  หรือออกกำลังกายด้วยท่ายืนแกว่งแขน ประมาณ 20-30 นาที(หรือประมาณ 1000 ครั้งเป็นท่าที่ช่วยลดพุง)เป็นต้น  ซึ่งเราสามารถทำได้ทุกวันหลังเลิกงาน ระหว่างการดูทีวี หรือในห้องนอน หรือคนทีมีพื้นที่จำกัดอย่างเช่น คนที่อาศัยอยู่ อพาร์เมนท์ คอนโด เป็นต้น  และในปัจจุบันนั้น ก็ยังมีช่องทาง สอนวิธีการออกกำลังกาย ตามเว็บไซต์ต่างๆ  ให้เราได้ฝึกทำตามได้ทุกวัน อีกด้วย

         ซึ่งการออกกำลังกาย อย่างน้อยควรทำ สัปดาห์ละ  2-3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที




3.การพักผ่อน 

          สำหรับการพักผ่อนที่เพียงพอ มีผลดีต่อร่างกาย ทำให้ร่างกาย แข็งแรงสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ในทุกวัน เราจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คือ เข้านอนช่วง 21.00-23.00 น.ไม่นอนดึกกว่าเที่ยงคืน
เพราะการนอนดึก อาจจะทำให้ “อ้วน” ได้ **การนอนดึกหรือนอนไม่พอ จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายหลายด้าน โดยด้านที่เกี่ยวกับความอ้วน คือ ส่งผลให้ฮอร์โมนเครียดที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล หลั่งมากขึ้นในวันถัดมา ฮอร์โมนเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้จะกระตุ้นให้รู้สึกอยากอาหารหวานๆ หรือน้ำตาลมากกว่าเดิม

         “นอกจากฮอร์โมนเครียดแล้ว ฮอร์โมนหิว หรือ เกรลิน ก็จะหลั่งเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้หิวเป็นสองเท่า นอกจากนี้ ยังทำให้ฮอร์โมนความอิ่ม หรือ เลปติน จะหลั่งลดลง ส่งผลให้แม้ว่าจะรับประทานแล้วแต่ก็รู้สึกไม่ค่อยอิ่มทำให้ต้องหาอะไรรับประทานอยู่ตลอดจนกลายเป็นการกินมากเกินไป และหากอยู่ในช่วงวัยรุ่นถ้านอนดึกก็ยังส่งผลทำให้เตี้ยด้วย”

           ดังนั้นเราจึงควร นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อร่างกายที่สดใสแข็งแรง และมีฮอร์โมนในร่างกายที่สมดุล

         เห็นความสำคัญ ของการปรับพฤติกรรมตนเองทั้ง 3 ข้อ กันแล้วใช่ไหมคะ  เพื่อการลดความอ้วน การลดน้ำหนัก ที่มีประสิทธิภาพ และไม่กลับมาอ้วนอีก และได้สุขภาพที่ดี ทำตามคำแนะนำกันได้เลยนะคะ

        


 เรียบเรียงข้อมูลโดย balancebyann.com

(*ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ lovefitt.com)

(**ขอบคุณข้อมูลจาก  พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล นักวิชาการโครงการรวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทยไร้พุง เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์)

เครดิตภาพประกอบจาก เว็บไซต์ pixabay




มองหาตัวช่วยลดน้ำหนักแนะนำ
อาหารเสริมลดน้ำหนัก BALANCE D+S 
https://balancebyann.blogspot.com/2015/09/balance.html



วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ครีม BALANCE A V ครีมบำรุงผิวหน้า ผิวขาวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ฝ้ากระ จุดด่างดำ



ครีมบำรุงผิวหน้า BALANCE A V  
 ครีมสูตรน้ำบำรุงผิวหน้า เพื่อความขาวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ลดฝ้ากระ จุดด่างดำ
 Balance A “Day cream ครีมกลางวันสูตรน้ำ White Booster SPF35 PA+++
Balance V “Night gel ครีมสูตรน้ำเนื้อเจลสำหรับกลางคืน
ครีมบำรุงกลางวันสูตรน้ำ Balance A
DAY CREAM ครีมกลางวันสูตรน้ำ ผสมกันแดด White Booster SPF35 PA+++
จดทะเบียน อย. ในชื่อ “Balance Day Cream” เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010056917

ขนาดบรรจุ 30 กรัม
ราคากระปุกละ 990 บาท (จากปกติ 1,390 บาท)

ครีมบำรุงผิวหน้ากลางวันสูตรน้ำ ผสมกันแดด ช่วย Boost ความขาวกระจ่างใสด้วยสารสกัดจากธรรมชาติทั้ง 7 ชนิด ลดเรือนริ้วรอยและจุดด่างดำ ปกป้องเซลล์ผิวจาก UVA และ UVB

คุณสมบัติ
Alwhite7 รวมสารสกัดธรรมชาติ7ชนิดที่ดีที่สุดในเรื่องความขาว
Milk protein จากน้ำนมวัวแรกคลอด3วัน เป็น growth factor ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยและเติมเต็มอาหารให้ผิว
กันแดด SPF35 PA+++
Phytosan สารสกัดธรรมชาติเร่งความขาวและลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ

ครีมบำรุงกลางคืนสูตรน้ำ  Balance V
NIGHT GEL
ครีมสูตรน้ำเนื้อเจลสำหรับกลางคืน

จดทะเบียน อย. ในชื่อ “Balance Night Gelเลขที่จดแจ้ง 10-1-6010056926

ขนาดบรรจุ 30 กรัม

ราคากระปุกละ 990 บาท (จากปกติ 1,390 บาท)

ครีมสูตรน้ำเนื้อเจลสำหรับกลางคืน ยกกระชับใบหน้าด้วยคุณสมบัติ Botox-like Effect จากสารสกัดโปรตีนเปปไทด์ ช่วยปรับรูปหน้าให้ V-shape Boost ความกระจ่างใสด้วยสารสกัดจากธรรมชาติทั้ง 7 ชนิด ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ Hyaluronic ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ชั้นผิว รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นและเต่งตึงให้ใบหน้า

นวัตกรรมเนื้อเจลที่เติมสารอาหารให้กับผิวได้ตลอดทั้งคืน

คุณสมบัติ
Alwhite7 รวมสารสกัดธรรมชาติ7ชนิดที่ดีที่สุดในเรื่องความขาว
โปรตีนเปปไทด์ ช่วยยกกระชับใบหน้า V Shape ออกฤทธิ์แบบ Botox Like Effect
Hyaluronic Acid ช่วยเสริมไฮยาลูรอนในเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเต่งตึง
Aloe สารสกัดว่านหางจระเข้ ช่วยขจัดอนุมูลอิสระจากการทำร้ายระหว่างวัน และช่วยบำรุงแผลเป็นให้หายเร็วขึ้น



จากปกติกระปุกละ 1,390 บาท
🎉โปรโมชั่นพิเศษวันนี้🎉
Balance A กระปุกละ 990 บาท
Balance V กระปุกละ 990 บาท
ซื้อ Balance A 1 กระปุก แถมฟรี 1 กระปุกทันที❗❗
ซื้อ Balance V 1 กระปุก แถมฟรี 1 กระปุกทันที❗❗


<<โอนเงินจัดส่งฟรีทั่วประเทศ>>
<<<มีบริการเก็บเงินปลายทาง>>>

http://line.me/ti/p/@2abeauty

<<<โทร.090-8923654>>>
LINE ID : @2abeauty 
(มี@นำหน้าด้วยนะคะ)

 
วิธีการใช้ครีมบำรุงผิว Balance A +Balance V 
ทั้งครีมกลางวันและกลางคืน
Balance A ครีมกลางวัน ทาระหว่างวันหลังล้างหน้า หรือก่อนออกแดด สามารถใช้ได้ทุกวัน
Balance V ครีมกลางคืน ก่อนนอน บางๆให้ทั่วใบหน้า เน้นนวดคลึงบริเวณที่ต้องการยกกระชับ สามารถใช้ได้ทุกวันก่อนนอน

คำแนะนำ เพื่อให้ครีมซึมสู่ผิวได้ง่ายขึ้น วอร์มฝ่ามือถูวนจนรู้สึกร้อน แล้วค่อยๆใช้ฝ่ามือผลักที่ใบหน้าเบาๆเพื่อให้รู้ขุมขนเปิด ทำให้ครีมซึมสู่ผิวได้ง่ายขึ้น 


รีวิวผู้ใช้จริง Balance A + Balance V

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจากบริษัท มีรหัสถูกต้อง
รหัสตัวแทน B1600045
ซื้อสินค้าจากร้านนี้ได้สินค้าของแท้100%
ติดต่อสั่งซื้อสอบถามพูดคุยปรึกษาก่อนได้คะ
ยินดีให้ข้อมูล สอบถามโปรโมชั่นก่อนได้คะ^^
โทร 090 8923654
LINE ID : @2abeauty (อย่าลืมใส่ @ ด้วยนะคะ)

http://line.me/ti/p/@2abeauty

สั่งสินค้าจากร้านมั่นใจได้รับสินค้าแน่นอนคะ
จัดส่งสินค้าทุกวันจันทร์-เสาร์
หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์






ครีมบำรุงผิวหน้า balance a, ครีมยกกระชับหน้า balance v, ครีมบาลานซ์เอ, ครีมบาลานซ์วี, ครีมบาล๊านซ์เอ, ครีมบาล๊านซ์วี, ครีมบาลานซ์เอ วี, ครีมบาล๊านซ์เอ วี, ครีม balance a v, ครีมbalance a v ราคา,ครีมบล๊านซ์ เอ,ครีมบล๊านซ์ วี,เซ็ตครีม balance a v,ครีมบล๊าน เอ,ครีมบล๊าน วี,ครีมหน้าขาว,ครีมหน้าเด้ง,ครีมหน้าเด็ก,ครีมยกกระชับใบหน้า,ครีมบำรุงกลางวัน,ครีมหน้าขาวผสมกันแดด,ครีมบำรุงกันแดด,ครีมรักษาฝ้ากระ,ครีมลดจุดด่างดำ,balance a,balance v,balance av,balance day cream,balance night gel,balancethailand,ครีมbalance,ครีมบล๊าน,ครีมบล้าน,ครีมบาล้าน,ครีมบาล๊าน,ครีมบล๊านซ์,ครีมบล้านซ์,ครีมบาล๊านซ์,ครีมบาล้านซ์